CutieGirl

15 สาเหตุ แผลในปากรักษาอย่างไรให้หายเร็ว

Lesly Juarez

แผลในปาก เป็นแผลที่มักเกิดในปาก มักเกิดขึ้นในระหว่างที่เราไม่ระวัง เช่นการเคี้ยวอาหาร และกัดที่กระพุ้งแก้มโดยไม่ได้ตั้งใจ หรือแม้แต่การแปรงฟันที่ไม่ได้ระวัง มักเกิดที่ช่องปาก กระพุ้งแก้ม ริมฝีปาก ลิ้น เป็นต้น อาจเกิดบาดแผลตามมาและอาจมีปัจัยอื่นๆร่วมอีกด้วย เช่น มีแผลเปื่อยที่แก้ม แบคทีเรีย การใช้ยาบางชนิด ติดเชื้อ เป็นต้น ซึ่งหากเกิดขึ้นไม่ว่ากับเด็กหรือผู้ใหญ่ มักเกิดอาการทรมานมาก เกิดความเจ็บปวด ทรมาน ไม่อยากกินข้าว กินอะไรก็ไม่มีรสชาติ วันนี้ทางเราได้หาคำตอบว่า ปัจจัยอะไรที่ทำให้เกิดแผลร้อนในกันคะ และหวังว่าบทความนี้จะสามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดของคุณได้

อาการแผลในปาก

มักมีแผลในปาก 1 แผลขึ้นไป มักเกิดการระคายเคืองในปาก หากทานอาหารรส เผ็ด เค็ม เปรี้ยว มักจะสูญเสียรสชาติ มีแผลผุพองที่ริมผีปาก จากการเคี้ยว การแปรงฟัน และปัจจัยอื่นๆ แผลเหล่านี้มักมีขนาดไม่เกิน 5 มม. ส่วนใหญ่มักไม่อันตราย สามารถหายได้เอง 10-14 วัน 

แผลในปากสาเหตุมาจากอะไร

  1. การแปลงฟันที่เเรงเกินไป จนทำให้มีบาทแผลที่ปาก
  2. การเคี้ยวอาหารโดยไม่ทันระวัง เผลอกัดที่กระพุ้งแก้ม และริมผีปาก การเกิดอุบัติเหตุที่ไม่ได้ตั้งตัว
  3. การติดเชื้อไวรัส เชื้อรา
  4. ทานอาหารที่มีรสชาติเปรียว มีกรดมากเกินไป เช่น สัปปะรด มะนาว   สตรอเบอร์รี่ เป็นต้น
  5. ขาด วิตามิน กรดโฟเลต ธาตุเหล็ก วิตามินและแร่ธาตุเหล่านี้จำเป็นต่อร่างกาย
  6. เกิดความเครียด
  7. นอนหลับผักผ่อนไม่เพียงพอ
  8. รับประทานอาหารเผ็ดมากเกินไป
  9. ดื่มน้ำไม่เพียงพอต่อวัน
  10. เครื่องมือทันตกรรมต่างๆ เช่น จัดฟัน
  11. การแพ้อาหาร
  12. กรรมพันธุจากครอบครัว
  13. การระคายเคืองจากน้ำยาฆ่าเชื้อ
  14. เกิดการเสียดสี การระคายเคืองจากฟันปลอม
  15. การมีประจำเดือน

วิธีการดูแลรักษาแผลในปาก

  1. ดื่มน้ำให้มากกว่าปกติ อย่างน้อยควรดื่มน้ำให้ได้ 1-2 ขวดใหญ่ หรือ จิบบ่อยๆตลอดทั้งวัน เพราะการดื่มน้ำเยอะจะช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
  2. ระวังการรับประทานอาหาร หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรส เปรียวจัด เผ็ดจัด และเค็มจัด รวมถึงอากาหที่มีกรดมากเกินไป เพราะอาหารเหล่านี้อาจทำให้แผลหายช้า เกิดอาการแสบร้อนแผลในปาก เหงือก และปากเป็นแผลมากขึ้น
  3. ใช้น้ำยาบ้วนปากที่ปราศจากแอลกอฮอล์ เพราะน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของแอกอฮอล์ จะทำให้เยื่อบุในช่องปากของเราแห้ง และเกิดอาการระคายเคือง เเละเพิ่มบาดแผลมากขึ้น
  4. บ้วนปากด้วยน้ำเกลือ วันละ 4-5 ครั้งต่อวัน
  5. รักษาสุขภาพของช่องปาก ทาเจลเพื่อรักษาแผลให้หาย
  6. ควรเลือกทานอาหารที่อ่อนนุ่ม เคี้ยวง่าย เช่น โยเกิร์ต ข้าวต้ม  แกงจืด ไข่ตุ๋น
  7. การนอนหลับเป็นสิ่งสำคัญ ควรนอนให้ครบ 6-8 ชั่วโมง
  8. ความเครียด ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญ พยายามไม่เครียด ฟังเพลง ดูทีวี ลืมเรื่องที่ทำให้เกิดความเครียด ทำให้ชีวิตมีความสุข
  9. แปรงฟันอย่างนุ่มนวน ใช้แปรงสีฟันที่อ่อนนุ่ม และใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ ควรแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2-3 ครั้งต่อวันหลังอาหาร
  10. ทาเจลฆ่าเชื้ออย่างสม่ำเสมอ บริเวณที่มีแผลในปาก
  11. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์ สามารถทำลายเนื้อเยื่อในปากเรา
  12. งดการสูบบุหรี่ เพราะควันของบุหรี่ สามารถทำลายเนื้อเยื่อในช่องปาก ควรบ้วนปากด้วยน้ำเกลือบ่อยๆ หรือ ดื่มน้ำเพื่อขับล้างสารพิษจากการสูบบุหรี่ให้หมดไป และได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพ ควรทำอย่างต่อเนื่อง
  13. ทานวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น กรดโฟเลต ธาตุเหล็ก วิตามิน รับประทานอาหารที่มี วิตามินบี 6 วิตามินบี 12
  14. อาจเกิดจากเครื่องมือทันตกรรมต่างๆ เช่น จัดฟัน ควรมีขี้ผึ้งจากคลินิกทันตกรรมทาเพื่อลดการเสียดสี และไม่เกิดแผลในปากตามมา
  15. หากสังเกตุว่าตัวเองมีอาการผิดปกติมาก เช่น ปวดแสบร้อนในปากมากเกินไป ไม่สามารถทานอาหารได้เลย มีแผลในปากมากกว่า 2 สัปดาห์แต่ยังไม่หายได้เอง ควรไปพบแพทย์      

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

About the Author

Cheeiw

ฉันจบการศึกษาจากคณะวิทยาศาสตร์ เอกสาธารณะสุขศาสตร์ UDRU
ชอบช่วยให้ผู้หญิงให้เข้าใจตัวเองมากขึ้น ^_^

เช่นเดียวกับผู้หญิงหลายๆ คน ฉันชอบแฟชั่น ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เครื่องประดับ และอื่นๆเกี่ยวกับผู้หญิง 😍