ท้องเสียกินอะไรได้บ้าง ห้ามกินอะไร
อาหารที่กินได้เมื่อท้องเสีย
1.กล้วย ข้าวต้ม โจ๊ก แอปเปิ้ล ขนมปังปิ้ง
2.เกลือแร่ ORS ใช้ดื่มเพื่อทดแทนน้ำและเกลือแร่ในร่างกายที่สูญเสียไปจากอาการท้องเสีย เพื่อทำให้ร่างกายของเราทำงานได้อย่างเป็นปกติ
3.โปรไบโอติก แบคทีเรียดี ได้แก่
-โยเกิร์ตมีส่วนผสมของโปรไบโอติก เพราะเชื้อแบคทีเรียตัวดี จะช่วยการทำงานของลำไส้ได้ดี
–ช็อกโกแลตดำ นอกจากจะช่วยให้อารมย์ดีแล้ว ยังช่วยบรรเทาอาการท้องเสียอีกด้วย
4.อาหารที่มีรสจืด ดังนั้นจึงไม่ทำให้ระบบย่อยอาหารแย่ลง นอกจากนี้ยังมีผลผูกพันเพื่อช่วยให้อุจจาระแข็งตัว
5.เครื่องดื่ม อิเล็กโทรไลต์ หรือ น้ำมะพร้าวที่มีวิตามินอิเล็กโทรไลต์
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงเมื่อท้องเสีย
1.นมและผลิตภัณฑ์จากนม
บางคนอาจคิดว่ากินนมคงไม่เป็นอะไรหรอก แต่หากมีอาการท้องเสียแล้ว จะเกิดอาการปวดท้อง ท้องเสียหนักเข้าไปอีก และ ท้องอืด แน่นเฟ้อ ตามมา เพราะร่างกายไม่ยอมย่อยเลคโตสจากนม ร่างกายก็จะเกิดปฏิกิริยาบางอย่าง เพื่อที่จะพยายามย่อยเลคโตสให้ได้ จึงเป็นการฝืนกระบวนการของร่างกาย ทำให้ระบบการย่อยอาหารแปรปรวนนั่นเอง
2.อาหารทอด
ควรงดอาหารประเภท ของมัน ของทอดไปก่อน เพราะอาหารทอดเป็นอาหารที่มีไขมันสูง ย่อยยาก
3.อาหารรสเผ็ด
รสจัด ในพริกมีสารแคปไซซิน ทำให้อุณหภูมิสูงในร่างกายสูงขึ้นเมื่อดื่มน้ำไปมากๆ ร่างการไม่สามารถย่อยได้หมด และเป็นตัวกระตุ้นการทำงานกระเพาะและลำไส้ทำงานหนัก เมื่อกินน้ำเยอะๆ จึงมีอาการท้องเสียหรือถ่ายเหลว เช่น ส้มตำ ยำ ต้มยำรสจัด
4.เนื้อหมูและเนื้อวัว
มักจะพบ เชื้อ เอสเชอริเชีย ซึ่งเกิดจากการปนเปื้อนของอุจจาระของสัตว์ และการกินเนื้อดิบๆสุกๆ ยิ่งทำให้เกิดอาการท้องเสียนักกว่าเดิม
5.ผักสด
หากคุณมีอาการท้องเสียอยู่แล้ว แน่นอนว่าผักดิบนั้น ทำให้เกิดแก๊ส เพิ่มการทำงานของระบบย่อยอาหารมากขึ้น
6.ผลไม้รสเปรี้ยวทั้งหมด ผลไม้อื่น ๆ
ผลไม้รสเปรี้ยวทั้งหลายจะมีไฟเบอร์สูง บางคนเกิดการระคายเคืองจนท้องเสียได้ เช่น สับปะรด เชอรรี่ ผลเบอรรี่ ผลไม้เมล็ดมะเดื่อลูกเกด และองุ่น ช่วงที่กำลังท้องเสียควรงดไปก่อน
7.เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกาแฟอีน นอกจากจะมีความเป็นกรดอ่อน ๆแล้วยังมีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาท คาเฟอีนในกาแฟก็ยังมีสรรพคุณเป็นยาระบายชนิดอ่อน หากมีอาการท้องเสีย กาแฟ โซดา น้ำอัดลมทั้งหลาย ควรงดไปก่อนจ้า
หากคุณมีอาการท้องร่วงเป็นเลือดมีไข้ ปวดท้องรุนแรงหรือท้องเสียที่แย่ลงคุณควรไปพบแพทย์