5 วิธี ผิวไหม้จากแสงแดด รับมือและป้องกันอย่างไร
ร่างกายได้รับแสงแดดนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่หากได้รับในตอนที่มีแดดแรงและไม่ได้ป้องกัน อาจส่งผลเสียต่อผิวหนังของเราได้ เพราะในแสงแดดหลังจาก 10 โมงเช้าจนถึง 4 โมงเย็นนั่นเป็นแสงแดดที่แรงยิ่งในประเทศไทย บอกเลยว่าแดดแรงไหม้เลยจ้า แดดแรงมากควรหลีกเลี่ยง เพราะแสงแดดหลังจาก 10 โมงเช้าไปแล้ว แสงแดดจะปล่อยอัลตราไวโอเลต ที่เราคุ้นชื่อคือ แสง UV นั่นเอง มีงานวิจัยบางชิ้นงานกล่าวว่า คนที่ได้รับ แสง UV บ่อยครั้งและเป็นเวลาหลายชั่วโมงต่อวัน จะทำให้ผิวพรรณของคุณดูแก่กว่าวัย หรืออาจเป็มะเร็งผิวหนังได้ หากรู้แล้วมันคงไม่สายเกินไปที่จะดูแลป้องกัน ดูแลผิวของเรา ให้ดูสวยและอ่อนกว่าวัย
ผิวไหม้จากแสงแดดสิ่งที่ตามมา
1.ผิวไหม้จากแสงแดด ผิวถูกแดดเผา
เมื่อออกนอกบ้านโดยไม่ได้ป้องกัน ตากแดดตลอดทั้งวัน ผิวของคุณจะเปลี่ยนสีโดยทันที ผิวจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูและเมื่อโดยน้ำจะรู้สึกแสบร้อน เพราะแดดร้อนได้เผาผิวมีการทำลาย DNA ของผิวเป็นอย่างมากสิ่งที่ตามมา หากไม่รู้จักป้องกันจะทำให้ใบหน้าดำ และมีริ้วรอย ตามมาอย่างเห็นได้ชัดเจน
2.แสงแดดทำให้ผิวแห้ง
แสงแดดที่แรงจ้าอาจทำให้ผิวของคุณแห้ง หากคุณสัมผัสผิวของคุณ คุณจะรู้สึกได้ว่าผิวของคุณนั้นแห้งหยาบ ขัดผิวอย่าอ่อนโยน เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิว หลังจาอาบน้ำเสร็จควรทาโลชั่น เพื่อเพื่มความชุ่มชื่นให้แก่ผิวของคุณ
3.แสงแดดทำให้เกิดริ้วรอย
แสงแดดที่แรงจ้าในแต่ละวันนั้น มีรังสี UV รังสียูวีนั้นร้ายจริงๆ เพราะมันทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวของเรา ทำให้เกิดริ้วรอยตามมา
จะสังเกตุได้จาก รอยตีนกาบนใบหน้า ผิวหน้าหมองคล้ำ หน้าผากมีรอยย้นเป็นเส้น เป็นต้น
4.แสงแดดทำให้เกิดฝ้า
เมื่อใบหน้าโดนแสงแดดที่แรงจ้าในทุกๆวัน สิ่งที่ตามมาคือ ฝ้าบนใบหน้า เพราะแสงแดดเป็นปัจจัยทำให้เมลาโทนินทำงานอย่างหนัก และเกิดฝ้าที่ใบหน้า ฝ้าสีน้ำตาล เช่น จมูก หน้าผาก คาง แก้มทั้งสองข้าง และมักพบมากในวัย 30 ปีขึ้นไป และจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆหากไม่ได้รับการป้องกัน
5.รังสี UV ทำให้เกิดมะเร็งผิวหนัง
การเกิดมะเร็งผิวหนังอาจมาจากหลายสาเหตุ สิ่งแวดล้อม พันธุ์กรรม การใช้ยาบางชนิด และอีก1ปัจจัยคือ แสงแดดจากรังสี UV นพ. สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ สสส. ได้กล่าวว่า รังสี UV จากแสงแดดนั้น เป็นสาเหตุให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนัง เกิดจากการกลายพันธุ์ของเซลล์ผิวหนัง มีการเจริญเติบโตที่ผิดปกติ ปัจจัยอื่นๆเพิ่มเติม
- ทำงานอยู่กลางแดดเป็นเวลานาน เล่นน้ำทะเล ว่ายน้ำ นอนอาบแดดเป็นเวลานาน โดยไม่มีตัวช่วยในการป้องกัน ไม่มีร่ม ไม่มีการทาครีมป้องกันแดดใดๆ
- มีไฝหรือขี้แมลงวันมากกว่าปกติ
- ครอบครัวมีประวัติเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง ส่วนหนึ่งอาจมาจากพันธุ์กรรม
- สัมผัสสารเคมีเป็นเวลานาน
- บุคคลที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ร่างกายอ่อนแอ เป็นผู้ที่ติดเชื้อ HIV
รับมือ และป้องกันอย่างไร
1.ทาครีมกันแดด
การทาครีมกันแดดในแต่ละวันนั้นจำเป็นอย่างมาก เพราะแดดประเทศไทยร้อนมาก ร้อนไหม้เลยแหละ ควรเลือกทาครีมกันแดดที่มี (SPF) 30 ขึ้นไปเพราะจะช่วยป้องกัน (UVA) ( UVB)
- SPF30 ป้องกันผิวไหม้แดดได้นาน (10 ชม.)
- SPF50 ป้องกันผิวไหม้แดดได้นาน (16 ชม.)
ควรทาครีมกันแดดก่อนออกแดดประมาณ 15-30 นาที เพื่อการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ ควรใช้อย่างสม่ำเสมอทุกวันๆ หากโดนแดดร้อนไหม้จัดควรทาซ่ำทุกๆ 2-3 ชั่วโมง เพราะเหงื่อหรือว่ายน้ำเป็นเวลานานอาจทำให้ประสิทธิภาพลดลง
2. ทาครีม
ในเวลากลางคืน ช่วงเวลาที่คุณหลับไหลนั่นคือช่วงเวลาที่ ผิวทำหน้าที่ซ่อมแซมการสร้างเซลล์ใหม่ ผลัดเซลล์เก่าที่โดนแดดทำร้าย ช่วยซ่อมแซมเซลล์ที่เสียหาย นี่คือช่วงเวลาที่ควรดูแลผิว
ควรทาครีมบำรุงที่มีส่วนผสมจากมอยส์เจอร์ไรเซอร์ เพราะช่วยฟื้นฟูผิวแห้งเสีย ให้ชุ่มชื่น เป็นตัวช่วยปกป้องผิวไม่ให้ลอก และแสบร้อน ควรทาหลังจากอาบน้ำเสร็จ ผิวจะอุ่นขึ้นในเวลากลางคืน ครีมที่เราทาจะซึมซับได้ดีขึ้นและให้ผลลัพธ์เร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน นอกจากนี้ช่วยฟื้นฟูผิวที่ไหม้จากแสงแดดได้ให้หายเร็วขึ้น
ในระหว่างวัน ควรใช้ครีมที่มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ เช่นสารสะกัดจากชาเขียว วิตามินซี เพราะช่วยปกป้องความเสียหายจากแสงแดดได้ การทาครีมกลางวันและกลางคืนจะทำให้ผิวมีความนุ่ม และชุ่มชื่นดูดีขึ้น อีกประการคือการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะจะทำให้ผิวดูอ่อนแก่วัย ผิวไม่แห้งดำอีกด้วย
3.สารต่อต้านอนุมูลอิสระ
หลายคนอาจยังไม่ทราบ การทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสามารถป้องกันรังสี (UV) ได้ภายภายในร่างกายสู่ภายนอก เพิ่มความชุ่มชื่นแก่ผิว เรียกได้ว่า สวยจากภายนอกและภายเลยแหละ เช่น ผักสีเขียว ชาเขียว มะเขือเทศ โกโก้ พืชตระกูลถั่ว ผลไม้รสเปรี้ยว บร็อคโคลี่ แครอท สตรอเบอร์รี่ เป็นต้น ทำให้ผิวมีริ้วรอยน้อยลง และเป็นตัวช่วยที่ดีในการดูแลผิวของคุณผู้หญิงจริงๆ
4. ใส่เสื้อผ้าให้มิดชิด
เมื่อต้องออกไปนอกบ้าน บางคนคิดว่าออกไปแปปเดียวไม่เป็นอะไรหรอก แต่เมื่อกลับมาถึงบ้านผิวอาจมีสองสีเลยจ้า ควรสวมเสื้อผ้าที่ปกปิดที่มิดชิด หากต้องการให้ผิวสวยสม่ำเสมอ เช่น ใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว หมวก แว่นตา เป็นต้น
5. ว่านหางจระเข้
ข้อมูลจาก คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ ว่านหางจระเข้ ว่าประเทศ สรัฐอเมริกา รัสเซีย ญี่ปุ่น ออสเตรีย ได้ทำการทดลองพบว่า ในเนื้อว่านหางจระเข้ สามารถกระตุ้นเซลล์เนื้อเยื่อให้เจริญเติบโต ทำให้แผลหายเร็วขึ้น ช่วยลดอาการอักเสบ ฆ่าเชื้อโรค ป้องกันผิวไหม้จากแสงแดด บำรุงผิวหน้า กำจัดฝ้า ในเนื้อของว่านหางจระเข้มีกรดซาลิซิลิก ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ช่วยฟื้นฟูและผลัดเซลล์ผิวหนังใหม่ และยังมีสรรพคุณอีกมากมาย เป็นสมุนไพรมหัศจรรย์จากธรรมชาติ ควรมีไว้ติดบ้านกันนะคะ
6. ความเครียด
ความเครียดก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ผิวพรรณแห้งเหยียวไม่สดใส เพราะความเครียดทำให้ฮอร์โมนคอร์ติซอลเพิ่มขึ้น ความเครียดจากผลกระทบต่างๆทำลายคอลลาเจน และอีลาสติน ความเครียดไม่ดีต่อสุขภาพ ทำลายสุขภาพจิตใจและผิวพรรณที่สวยงาม
7.การออกกำลังกาย
การออกกำลังกาย นอกจากจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดระบบหัวใจดีแล้ว ยังช่วยให้ผิวพรรณสดใส มีงานวิจัยบางชิ้นกล่าวไว้ว่า ผู้ที่ออกกำลังกาย 3ชั่วโมงต่อสัปดาห์จะมีผิวพรรณที่ดี อ่อนกว่าวัย เช่น การจ๊อกกิ้ง การว่ายน้ำ เดินเร็ว โยคะ จะเห็นได้ว่าผู้ที่ชอบออกกำลังกายบ่อยๆ สามารถโกงอายุได้จ้า