Categories
Blog

14 วิธีขจัดรังแค ด้วยวิธีธรรมชาติ

Andrea Piacquadio

หลายคนแค่ได้ยินคำว่า “รังแค” ก็คันยิบๆแล้ว ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย นี่คือปัญหาใหญ่เลยแหละ เพราะทำให้หลายๆคนขาดความมั่นใจในตัวเอง น่ารำคาญจริงๆ ปัญหากวนใจ คันจนไม่มีสมาธิในการทำงาน เกาจนหนังศีรษะแดงและเกิดการอักเสบตามมา เห้อรังแคยังร่วงอีกด้วยยิ่งร่วงบนเสื้อผ้า ยิ่งเสื้อผ้าสีดำยิ่งทำให้เห็นเด่นชัด วันนี้ทางเราได้นำเคล็ดลับการดูแลสุขภาพหนังศีรษะมาฝากกันค่ะ เป็นวิธีธรรมชาติ บางคนอาจใช้แชมพูมาหลายยี้ห้อแล้ว แล้วทำไมไม่หายสักที งั้นควรลองเปลี่ยนวิธีแบบธรรมชาติกันค่ะ

รังแคคืออะไร 

หลายๆคนคงเจอกับปัญหา “รังแค” รังแคคืออะไร รังแคคือการหลุดลอกหนังกำพร้าบนศีรษะ เป็นขุยหรือสะเก็ดสีขาวบนหนังศีรษะ ผิวหนังแห้ง เซลล์ผิวหนังที่ศีรษะเกิดการแบ่งตัว มีอาการคัน และหลุดออกมาง่ายมีลักษณะเป็นขลุยสีขาวขนาดใหญ่ สามารถมองเห็นสีขาวในหนังศีรษะ ติดค้างที่หนังหัว เส้นผม หรือแม้แต่เสื้อผ้า สามารถมองเห็นได้ง่าย

สาเหตุของการเกิดรังแคมาจากอะไร

การเกิดรังแคนั้นเกิดจากหลายสาเหตุและหลายปัจจัย เช่น กรรมพันธ์ สภาพอากาศ เกิดจากความเครียดของร่างกาย   อารมณ์แปรรปรวน หนังศีรษะแห้งและมันมากเกินไป การใช้แชมพูที่ไม่ถูกต้องกับสภาพหนังศีรษะ หรือ อาจมาจากเชื้อรา เป็นต้น สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดรังแค

รังแค คือเซลล์หนังศีรษะที่แบ่งตัวมากขึ้นกว่าปกติ แล้วหลุดออกง่าย สีขาวเป็นแผ่น หรือเกร็ด เร็วกว่าปกติ กลายเป็นขุยสีขาวขนาดใหญ่ที่สามารถสังเกตเห็นได้ชัดเจน จนหลายๆคนอาจหมดความมั่นใจ เพราะรังแคหลุดร่วงเต็มไปหมด คันไม่หยุด เกาจนหนังศีรษะแดง หนังศีรษะอักเสบกันเลยทีเดียว

Tijana Drndarski

1. น้ำมันมะพร้าว

น้ำมันมะพร้าว หลายคนคงรู้ น้ำมันมะพร้าวมีสรรพคุณมากมายหลายอย่าง ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ อีกหนึ่งประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าว        คือสามารถช่วยรักษาความผิดปกติของผิวหนัง ช่วยสมานแผลต่างๆที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเรา ที่สำคัญยังช่วยรักษารังแคได้อีกด้วย น้ำมันมะพร้าวช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง ไม่ทำให้หนังศีรษะแห้ง ป้องกันไม่ให้น้ำมันจากธรรมชาติชะล้างออกไป น้ำมันมะพร้าวเปรียบเสมือนเกาะป้องกัน คอยทำลายเชื้อโรค ที่หนังศีรษะ

  • นำมันมะพร้าวช่วยขจัดรังแค
  • ช่วยรักษาสุขภาพของหนังศีรษะ
  • หนังศีรษะชุ่มชื่น ไม่เกิดรังแค
  • มีวิตามินอีที่ต่อต้านอนุมูลอิสระ

วิธีการใช้

  1. ใช้น้ำมันมะพร้าวหมักให้ทั่วศีรษะ เน้นในส่วนที่มีรังแคเยอะๆ
  2. นวดให้เข้ากับเส้นผมและหนังศีรษะ แล้วหมักทิ้งไว้ 5 นาที ล้างออก
  3. สระผมได้ตามปกติ ควรทำอย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 ครั้งต่อสัปดาห์เพื่อให้รังแคหายขาด

2. ว่านห่างจระเข้

ว่านหางจระเข้  เป็นพืชที่สามารถเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่ผิวหนัง เช่น ผิวไหม้จากแสงแดด แผลไหมจากเตารีดจากการโดนความร้อน ต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา นอกจากนี้ว่านหางจระเข้สามารถป้องกันรังแคได้เช่นกัน

การรักษารังแคด้วยว่านหางจระเข้ ยังเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถทำได้ง่ายๆที่บ้าน ว่านหางจระเข้มีสรรพคุณมายมายหลายอย่างมาก สรรพคุณที่สามารถรักษาเส้นผมและหนังศีรษะได้แก่

  • สามารถทำให้ผมเงางามดกดำ เงางาม
  • ช่วยลดปัญหาการเกิดรังแคช่วยกำจัดเชื้อราในหนังศีรษะ
  • ช่วยให้ผิวหนังบนศีรษะชุ่มชื่นลดการอักเสพของหนังศีรษะ
วิธีการใช้
  1. นำว่านหางจระเข้กาบใหญ่ 3 กาบ ปอกเปลือกสีเขียวออก แล้วนำไปล้างน้ำ เพราะในเปลือกของว่านหางจระเข้จะมียาง เป็นเมือกที่อาจคันได้
  2. นำเนื้อของว่านหางจระเข้มาปั่นให้ละเอียด หลังจากนั้นนำเนื้อของว่านหางจระเข้ที่ปั่นละเอียดมาชโลมให้ทั่วหนังศีรษะ เส้นผม นวดให้ทั่วหนังศีรษะ หมักผมทิ้งไว้  15-20 นาที เพื่อให้เนื้อของว่านหางจระเข้แซกซึมเข้ากับหนังศีรษะและเส้นผม
  3. ควรทำซ้ำหากเป็นไปได้ควรทำสัปดาห์ละครั้ง เพื่อสุขภาพเส้นผมที่เงางาม และเพื่อให้แน่ใจว่ารังแคไม่มารังควรใจอีกต่อไป

3. น้ำแอปเปิลไซเดอร์

น้ำแอปเปิลไซเดอร์ หรือที่เรียกอีกอย่างคือ น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ น้ำแอปเปิลไซเดอร์ นั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายจริงๆ ในน้ำส้มแอปเปิ้ลไซเดอร์ มีฤทธิ์เป็นกรด สามารถช่วยปรับค่า pH บนหนังศีรษะ

เชื่อว่ากรดของน้ำส้มสายชูนั้นสามารถช่วยขจัดรังแคได้        ลดการเจริญเติบโตของเชื้อราบนหนังศีรษะ เป็นวิธีรักษาแบบธรรมชาติ กรดจากน้ำเชื่อมสายชูจะช่วยผลัดเซลล์เก่าที่หนังศีรษะออกไป ทำความสะอาดหนังศีรษะดีพอกับการใช้แชมพูเชียวละ

  • ช่วยให้หายคัน ผลัดเซลล์ผิวเก่าที่หนังศีรษะ
  • แก้ผมแตกปลาย ทำให้สุขภาพผมดีขึ้น
  • ป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อราบนหนังศีรษะขจัดรังแค
วิธีการใช้
  1. ล้างผมด้วยน้ำอุ่นจะช่วยเปิดรูขุมขนบริเวณหนังศีรษะ ทำให้การล้างสิ่งสกปรกจากหนังศีรษะออกไปเนื่องจากน้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์เป็นกรด และอาจมีกลิ่นฉุนเล็กน้อย
  2. ควรผสมแชมพูเล็กน้อยเพื่อเจอจาง เพราะบางคนอาจระคายเคืองหนังศีรษะหากใครมีปัญหาเรื่องรังแคเยอะมาก ลองมาทุกวิธีแล้วแต่ยังไม่ดีขึ้นสามารถใส่น้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์ได้เลย โดยการใส่นำแอปเปิ้ลไซเดอร์ให้ทั่วหนังศีรษะ ค่อยๆนวดด้วยปลายนิ้ว
  3. หลังจากนั้นทิ้งไว้ 20 นาทีแล้ว ล้างออก แล้วสระผมได้เลย หากรังแคไม่ดีขึ้นควรทำซ้ำอาทิตย์ละ1ครั้ง
Artem Beliaikin

4. เกลือ

เกลือ เป็นสิ่งที่คู่ครัวไทยมายาวนาน มีสรรพคุณและประโยชน์มากมาย ใช้ปรุงอาหาร เพื่อให้มีรสชาติที่กลมกล่อมขึ้น ช่วยผลัดเซลล์ผิวให้สวยงาม นอกจากนี้ยังช่วยฆ่าเชื้อโรคต่างๆ

  • ขจัดแบคทีเรียบนหนังศีรษะได้อีกด้วย
  • ช่วยฆ่าเชื้อโรคบนหนังศีรษะ ขจัดรังแค ขจัดแบคทีเรียต่างๆ
  • เกลือช่วยรักษาอาการผมร่วงให้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ชัวร์
วิธีการใช้
  1. ล้างผมด้วยน้ำเปล่า จากนั้นนำเกลือที่เป็นเม็ดเล็กประมาณ 1 กำมือเมล็ดละเอียดผสมกับน้ำอุ่น จากนั้นนวดให้ทั่วหนังศีรษะ นวดประมาณ 3-5 นาที หลังจากนั้นหมักทิ้งไว้ใช้ผ้าขนหนูโพกไว้
  2. หลังจากหมักผมทิ้งไว้ 3-5 นาที ล้างออก
  3. สระผมด้วยแซมพูสูตรอ่อนโยน
  4. ควรทำอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์

 

Farhad Ibrahimzade

5. โอเมก้า-3s กรดไขมันโอเมก้า 3

โอเมก้าเป็นสิ่งสำคัญต่อร่างกายของเรา โอเมก้า3-อาจมีผลดีกับความจำช่วยให้การทำงานของหัวใจดีขึ้น ระบบภูมิคุ้มกันต่างๆ ปอด สมองและที่สำคัญยังสำคัญต่อผิวพรรณของเราอีกด้วย เพราะหากร่างกายขาดโอเมก้า 3 อาจส่งผลให้ผิวพรรณแห้ง ไม่ผ่องใส ผมแห้งแตกปลาย และที่สำคัญคือรังแค และอีกประการช่วยลดอาการอักเสบของผิวหนัง ซึ่งเราสามารถพบโอเมก้าได้จากปลา เช่น ปลาแซลมอน ที่พบโอเมก้า 3 หรือทานแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจำพวกน้ำมันปลา ที่มีส่วนผสมของโอเมก้า -3

  • ลดการอักเสบของผิวหนัง
  • ช่วยให้ผมสวยแข็งแรงไม่แตกปลาย
  • ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นที่หนังศีรษะ

บรรเทาอาการระคายเคืองและรังแคได้ ในปลาแซลมอลนั้นมีกรดไขโอเมก้า 3  สามารถทานปลาแซลมอลเพื่อช่วยป้องกันหนังศีรษะแห้ง และลอกเป็นขุย การรับประทานโอเมก้า-3 ไม่ควรรับประทานเกิน 3 กรัมต่อวัน ผู้ที่ต้องระมัดระวังในการรับประทานน้ำมันปลาควรศึกษาข้อมูล

6. โปรไบโอติก

โปรไบโอติก เป็นแบคทีเรีย แต่เป็นแบคทีเรียที่มีประโยชน์แก่ร่างกาย สามารถสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย สามารถต่อต้านเชื้อรา หากหนังศีรษะเกิดเชื้อรา ปัญหาที่ตามมาคือรังแค นอกจากนี้โปรไบโอติก ยังสามารถช่วยในเรื่องผิวของคุณอีกด้วย คุณยังสามารถพบโปรไบโอติกได้จากอาหารที่หมักดอกจาก กิมจิ กะหล่ำปลีดอง  โยเกิร์ต เป็นต้น

ตัวอย่าง ประโยชน์ของโยเกิร์ต ทำให้ลำใส้เกิดความสมดุล   มีภูมิคุ้มกันเกิดขึ้น สร้างความสมดุลให้แก่ร่างกายและหนังศีรษะ ช่วยลดการอักเสษ

  • ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
  • ต่อสู้กับเชื้อรา
  • ลดความรุนแรงของรังแค
  • สุขภาพผิวบนหนังศีรษะดีขึ้น
  • ควบคุมความมันของเส้นผม

มีงานวิจัยบางชิ้นบอกว่า ทานโยเกิร์ตวันละ1-2 ถ้วยต่อวัน ติดต่อกันเป็นเวลา 1 เดือนขึ้นไป ในโยเกิร์ตนั้นมีแบคทีเรียที่ดีต่อร่างกาย นอกจากจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันแล้วยังช่วยลดเชื้อราอีกด้วย แล้วที่สำคัญช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียเชื้อราในช่องคลอดของสาวๆอีกด้วย โยเกิร์ตเป็นเชื้อแบคทีเรียที่ดีต่อสาวๆจริง  หาทานได้ง่าย มีขายตามร้านสะดวกซื้อต่างๆ บางคนไม่ชอบใส่น้ำตาล มีสูตรไม่มีน้ำตาลด้วย ช่วยตอบโจรท์สาวๆที่รักสุขภาพ

7. เบคกิ้งโชดา

หลายคนอาจยังไม่รู้ คิดว่าเบคกิ้งโชดา สามารถทำได้แค่ขนมปัง หรือเป็นตัวช่วยในการทำความสะอาด แต่เบคกิ้งโชดาเป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถ ขจัดรังแคได้ เพราะเบคกิ้งโชดาสามารถพลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายไปแล้ว ทำความสะอาดหนังศีรษะได้เป็นอย่างดี ช่วยลดอาการคันจากรังแค แล้วยังสามารถต้านเชื้อราได้

  • ช่วยลดอาการคันจากรังแค
  • ผลัดเซลล์ผิวเก่าอย่างอ่อนโยนต่อหนังศีรษะ
  • ยับยั้งการเจริญเติบโตต้านเชื้อราได้เป็นอย่างดี
  • ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนัง
วิธีการใช้
  1. สระผมด้วยน้ำเปล่าให้เปียกทั่วศีรษะ
  2. เตรียมน้ำเปล่า 1 แก้ว กับเบกกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากัน ใส่เบกิ้งโชดาที่ผสมกับน้ำ นวดเบาๆให้ทั่วหนังศีรษะ
  3. ปล่อยทั้งไว้ 1-2 นาทีแล้วล้างออก ต่อด้วยสระผมตามปกติ

8. มะกรูด

มะกรูด เป็นสมุนไพรที่คู่คนไทยมานาน คนไทยในสมัยก่อน มีประโยชน์มากมายหลายอย่าง เช่น มีกลิ่นน้ำมันหอมระเหยที่ทำให้เรารู้สึก ผ่อนคลายความเครียด คลายความกังวล รู้สึกสดชื่นเมื่อได้กลิ่นของมะกรูด

อีกหนึ่งสรรพคุณของมะกรูดคือ ใช้มะกรูดขจัดรังแค เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ดีเลยแหละ สามารถลดอาการคันได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังได้กลิ่นหอมของมะกรูดบนศีรษะอีกด้วย

  • มีกลิ่นหอม สดชื่นจากมะกรูด
  • ลดอาการคันจากรังแคได้เป็นอย่างดี
  • ขจัดรังแคได้ดีจริง
วิธีการใช้
  1. สระผสมด้วยน้ำเปล่า ให้ผมเปียก
  2. นำมะกรูดมา 5-6 ลูกนำมาเผาไฟให้มีกลิ่นและมีน้ำมันระเหย มาจากผลมะกรูด
  3. บีบเอาน้ำจากมะกรูดให้หมด
  4. นำน้ำมะกรูดที่ได้มาชโลมบนหนังศีรษะ พักทิ้งไว้ 10-20 นาที ห่อด้วยผ้าขนหนู หรือ ที่คุมผมทั้งไว้
  5. ล้างออกด้วยน้ำเปล่า จะทำให้ศีรษะมีกลิ่นหอม และหายคัน รังแค่จะค่อยๆลดหายไป ควรทำอาทิตย์ละ 1สัปดาห์จนกว่ารังแคจะหายไป
Mumma Oyens

9. มะนาว

มะนาวไม่ได้มีแค่ไว้ปรุงอาหารเท่านั้น เพราะมะนาวยังสามารถช่วยคุณทำความสะอาดเส้นผม ใช่แล้วคะ เพราะมะนาวสามารถลดปัญหาเรื่องรังแค ช่วยขจัดรังแคบนหนังศีรษะของคุณ ช่วยเสริมสร้างให้เส้นผมและหนังศีรษะดีขึ้น แต่ไม่แนะนำสำหรับผู้ที่มีบาดแผลบนหนังศีรษะ เพราะอาจแสบได้
  • มะนาวช่วยทำความสะอาดหนังศีรษะ
  • ช่วยขจัดรังแค
  • ช่วยทำให้เส้นผมแข็งแรง
วิธีการใช้
  1. สระผมด้วยน้ำเปล่าให้ผมเปียก ให้ทั่วหนังศีรษะ
  2. นำมะนาวมา 6-7 ลูก ผ่าครึ่งบีบเอาน้ำ นำมาผสมกับน้ำเปล่าให้ได้1ถ้วย
  3. นำมาสระผมแล้วหมักผมทิ้งไว้ 20 นาที
  4. ล้างออกแล้วสระผมตามปกติ

10. แอสไพริน

ในตัวยาแอสไพรินนั้นมีกรดตัวหนึ่งชื่อ กรดซาลิไซลิก ซึ่งสารตัวนี้สามารถต้านการอักเสบแล้วยังสามารถพบในแชมพูบางยี่ห้อ สามารถอ่านดูในสรรพคุณของแชมพูได้นะคะ เพื่อให้เข้ากับหนังศีรษะของเรา ซึ่งในบางคนเมื่อเกิดรังแคที่หนังศีรษะ อาจเกาหนังศีรษะอย่างรุนแรง และเกิดการอักเสบ ในแชมพูที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก จะทำงานได้ดี ตรงตามจุดประสงค์ช่วยขจัดรังแค ช่วยกำจัดรังแคให้ลุดออกไป

  • มีกรดซาลิไซลิกสามารถล้างสิ่งสกปรกจากหนังศีรษะ
  • รักษารังแคบนหนังศีรษะ
  • ลดการอักเสบและอาการคัน
วิธีการใช้
  1. ล้างผมด้วยน้ำอุ่นจะช่วยเปิดรูขุมขนบริเวณหนังศีรษะ ทำให้การล้างสิ่งสกปรกจากหันงศีรษะออกไป
  2. นำยาแอสไพรินมาบดให้ละเอียด 1-2 เม็ด
  3. ผสมยาแอสไพรินกับแชมพูระหว่างที่สระผม สระผมแล้วนวดให้ทั่วศีรษะ 3-5นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

11. หลีกเลี่ยงอาหารบางประเภท

มีงานวิจัยบางชิ้นงานกล่าวว่า การทานอาหารบางประเภท สามารถป้องกันการติดเชื้อราบางชนิด และที่สำคัญช่วยลดปัญหาของรังแคที่ก่อกวนใจได้ ทั้งนี้อาหารบางประเภท และร่างกายของแต่ละบุคคลอาจแตกต่างกัน ซึ่งอาจกระตุ้นหรืออาการแพ้ที่แตกต่างกันออกไป หากเราเลือกประเภทอาหารที่เหมาะสมกับเรา ซึ่งจะทำให้ลดการอักเสบมากขึ้น หากอาหารบางชนิดทานแล้วเกิดการอักเสบมากขึ้น มีอาการคันมากขึ้น เชื่อว่าทุกคนเลือกที่จะเลือกสิ่งที่ดีให้แก่ร่างกายของเรา ใส่ใจในรายระเอียดของอาหารมากขึ้น เชื่อว่า รังแค่ที่ก่อกวนใจจะลดลงและหายไปไปที่สุด

อาหารที่อาจทำให้เกิดการอักเสบมากขึ้น
  • มะเขือม่วง
  • พริก
  • มะเขือเทศ
  • ขนมปังขาว
  • พาสต้าขาว
  •  เนื้อแดง
  • อาหารแปรรูป
  • อาหารทอด อาหาร
  • เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล

12. ไข่แดง

เชื่อว่าหลายๆบ้านมีไข่ในตู้ใช่ไหมละคะ ลองเปิดตู้เย็นเช็คดูมีไหมเอ๋ย ไข่ไก่เป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยโปรตีน และมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก ทานทุกวันยังได้ แต่ระวังไข่แดงรายที่มี คอเลสเตอรอล ไม่ควรทานเยอะ ซึ่งไข่เป็นอาหารที่เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ชอบทานกัน ไข่ดาว ไข่เจียว อร่อยทานง่าย เด็กก็ชอบเมนูนี้ นอกจากนี้ไข่แดงยังสามารถช่วยเรื่องเส้นผมและหนังศีรษะอีกด้วย ช่วยให้สุขภาพเส้นผมที่แข็งแรง เงางาม เหมือนสปาผม ผมสวย และสุขภาพผิวหนังที่ศีรษะดีอีกด้วย

  • เส้นผมเงางามดกดำ
  • ลดปัญหารังแคก่อกวนใจ
  • สุขภาพหนังศีรษะดีขึ้น
  • ช่วยฟื้นฟูเส้นผมและหนังศีรษะ
วิธีการใช้

สูตรที่ 1

  1. นำไข่มาแยกเอาแต่ไข่แดง นำมาผสมกับนำมันมะกอก นำมาผสมให้เข้ากัน
  2. สระผมด้วยน้ำเปล่าหนังหัวเปียก นำไข่แดงที่ผสมกับน้ำมันมะกอกที่เตรียมไว้มานวดให้ทั่วหนังศีรษะ และเส้นผม หมักทิ้งไว้ ห่อผมด้วยผ้าขนหนู หรือ ที่คุมผม ทิ้งไว้ 20-30 นาที
  3. หลังจากนั้นล้างออกด้วยน้ำเปล่า

สูตรที่ 2

  1. นำไข่มาแยกเอาแต่ไข่แดง ตีไข่แดงให้ละเอียด
  2.  เตรียมมะนาวผสมน้ำอุ่น ผ่าบีบเอาแต่นำมะนาว
  3. สระผมด้วยน้ำเปล่าให้หนังศีรษะเปียก นำไข่ที่เตรียมไว้ มักให้ทั่วศีรษะและเส้นผม
  4. หมักทิ้งไว้ ห่อผมด้วยผ้าขนหนู หรือ ที่คุมผม ทิ้งไว้ 20-30 นาที
  5. ล้างออกให้สะอาด นำน้ำมะนาวผสมน้ำอุ่นที่เตรียมไว้ มาสร้าง ผม เพราะบางคนไม่ชอบกลิ่นของไข่แดง ในน้ำมะนาวสามารถขจัดกลิ่นเหม็นคาวของไข่แดงได้

13. น้ำมันมะกอก

น้ำมันมะกอกนั้นสารพัดประโยชน์เช่นกัน อีกหนึ่งประโยชน์ของน้ำมันมะกอก คือ ช่วยขจัดรังแคได้เช่นกัน ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่หนังศีรษะ

  • ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่หนังศีรษะ
  • ช่วยลดรังแค
  • สุขภาพผิวหนังดีขึ้น
วิธีการใช้
  1. นวดนำมันมะกอกนวดให้ทั่วหนังศีรษะก่อนนอน
  2. ล้างออกแล้วสระด้วยแชมพูตามปกติ

14. น้ำซาวข้าว

นำน้ำซาวข้าวที่แช่นำตลอดทั้งคืน อย่าพึ่งทิ้งนะคะ เพราะน้ำซาวข้าวมีประโยชน์ต่อเส้นผมของเรา มีวิตามินมายมาย และคนในสมัยก่อนที่ยังไม่มีแชมพูคนสมัยก่อนมักใช้น้ำซาวข้าวสระผม

  • ช่วยบำรุงผมและหนังศีรษะ
  • มีวิตามิน
วิธีการใช้
  1.  เราสามารถนำน้ำซาวข้าวมาสระผม ชโลมให้ทั่วหนังศีรษะ
  2. หมักทิ้งไว้ 10-15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่า

 

บางสูตรอาจไม่เหมาะสมกับทุกคน ขึ้นอยู่กับสภาพของหนังศีรษะของแต่ละคน หากทดลองใช้แล้วไม่ดีขึ้น เลวร้ายกว่าเดิมควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับหนังศีรษะโดยตรง 

 

 

 

 

 

By Cheeiw

ฉันจบการศึกษาจากคณะวิทยาศาสตร์ เอกสาธารณะสุขศาสตร์ UDRU
ชอบช่วยให้ผู้หญิงให้เข้าใจตัวเองมากขึ้น ^_^

เช่นเดียวกับผู้หญิงหลายๆ คน ฉันชอบแฟชั่น ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เครื่องประดับ และอื่นๆเกี่ยวกับผู้หญิง 😍