Categories
Blog

10วิธีแก้ แพ้ลิปสติ๊กทำไงดี? ให้ริมฝีปากกลับมาสวย

 

ผู้หญิง กับความสวยความงามเป็นของคู่กัน เชื่อว่าสิ่งหนึ่งที่ผู้หญิงมักพกติดกระเป๋าเสมอนั่นคือ“ลิปสติก”เมื่อทาลิปสติก สามารถเพิ่มสีสันต์ ให้ริมฝีปากดูอวบอิ่ม มีสีสันต์ขึ้น สามารถปรับเปลี่ยนลุค เปลี่ยนสไตล์ ให้เข้ากับการใช้ชีวิตในแต่ละวัน เพิ่มเสน่ห์ให้ชวนหลงไหล แต่ผู้หญิงหลายคนอาจมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้น

“เมื่อสังเกตุเห็นตัวเอง ทุกครั้งที่ทาลิปสติก ในตอนเช้าของวันถัดไป ริมฝีปากมักจะมีตุ่มขึ้น บางครั้งมีอาการคัน จากนั้น ตุ่มเหล่านั้นจะกลายเป็นแผลพุพอง และเริ่มลอกเป็นขุย รู้สึกแย่จัง ขาดความมั่นใจ ฉันควรทำไงดี

จะทำอย่างไร เมื่อทาลิปสติกไปแล้ว จะไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง และอาการแพ้ลิปสติกตามมา ผู้หญิงหลายคนที่แพ้ลิปสติก มีอาการเล็กน้อย ไปจนถึงมีอาการรุนแรง หากสาวๆทั้งหลายมีอาการคัน รู้สึกระคายเคืองที่ปาก รู้สึกไม่ปกติ แสดงว่าคุณอาจแพ้ลิปสติกเข้าแล้วละ

แพ้ลิปสติก อาจเกิดจากส่วนผสมหลายชนิด 

การแพ้ลิปสติกคือ ภาวะที่คนเราแพ้สารเคมีในลิปสติก อาการแพ้ลิปสติก ของแต่ละคน จะมีอาการที่แตกต่างกันออกไป อาจมีอาการคันที่บริเวณปากด้านนอก บวม พุพอง หรือ แดง โดยส่วนมากลิปสติกมีส่วนผสมที่หลายอย่าง เช่น น้ำหอม โลหะ สารกันบูด เป็นต้น ส่วนผสมเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่ริมฝีปาก เพิ่มความมันแวววาว สีสันต์ให้ปากอวบอิ่ม ดูสวยงาม ส่วนผสมเหล่านี้ ส่งผลให้สาวๆที่แพ้ลิปสติกจะมีอาการคันที่ริมฝีปาก มีผื่นขึ้น รู้สึกระคายเคืองริมฝีปากตามมา

น้ำหอมมีสารกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้
สารกันบูดทำให้ลิปสติกไม่ขึ้นรา หรือเสื่อมสภาพ บางคนมีอาการแพ้จากสาร (Propyl Gallate)
สีของลิปสติกสีชมพู สีส้ม และสีแดง อาจมีสารปนเปื้อน ทำให้ริมฝีปากเกิดการไวต่อแสง
ลิปสติกมีน้ำมันน้อยอาจทำให้ริมฝีปากแห้งแตกทำให้แพ้ง่าย
สารตัวเติมอื่นๆบางตัวมีฤทธิ์เป็นตัวเร่งการแพ้

อาการแพ้ลิปสติกมีอาการอย่างไร?

  • ริมผีปากมีรอยแตก หรือรอยแยกของผิวหนัง อาจทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายอย่างมาก และอาจใช้เวลานานในการรักษา
  • มีความรู้สึกแสบร้อนขณะทาลิปสติก และมีอาการคันหรือรู้สึกเสียวซ่าที่ริมฝีปากด้วย
  • ริมฝีปากแดง แผลพุพอง และมีเลือดออก อาจเป็นผลมาจากอาการบวมของริมฝีปาก
  • ริมฝีปากอาจมีตุ่มบวมพองเล็ก ๆ บริเวณริมฝีปาก

วิธีแก้ไข แพ้ลิปสติ๊กทำไงดี?

1.หยุดเลียริปฝีปาก 

หากคุณมีอาการแพ้ลิปสติก สิ่งที่ตามมา ปากลอกแห้ง เป็นขุย ลอกออกมา สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คือ พยายามอย่าเลียริมฝีปาก ใช่อยู่ เวลาเลียริมฝีปาก ทำให้ริมฝีปากรู้สึกชุ่มชื้น แต่ความจริงคือ ยิ่งทำให้ริมฝีปากของคุณแห้งยิ่งกว่าเดิม และอาจเป็นสาเหตุให้เกิดการอักเสบ การติดเชื้อ หาอย่าทำเชียละ

2. หยุดใช้ลิปสติกนั้นทันที

การแพ้ลิปสติก คือผื่นที่ผิวหนัง อาจเกิดขึ้นได้หลังจากใช้ลิปสติก โดยระยะในการแพ้จะอยู่ในช่วง 7-10 วัน แต่บางคนอาจกินเวลาหลายสัปดาห์ บางครั้งอาจนานถึง 8 สัปดาห์ ซึ่งทำให้ผู้หญิงอย่างเราอารมณ์เสีย แล้วขาดความมั่นใจเลยทีเดียว ควรหยุดใช้ลิปสติกที่ทำให้รู้สึกแพ้ ระคายเคือง

3. ทดสอบก่อนที่จะทาลิปสติกแท่งใหม่

เชื่อว่าสาวๆหลายคน คงไม่อยากให้เหตุการณ์เช่นเดิมเกิดขึ้นอีก เป็นอะไรที่เบื่อ และอารมณ์เสียเป็นอย่างมาก หากยังไม่แน่ใจว่าลิปสติกแท่งใหม่ของสาวๆ ฉันจะแพ้ลิปสติกแท่งใหม่ไหมนะ ? คุณควรเข้ารับทำการทดสอบผิวหนัง และสังเกุตอาการว่าแพ้หรือไม่ โดยที่แพทย์จะแปะแผ่นสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ เเละทดสอบปฎิกิริยาที่เกิดขึ้น เพื่อทราบว่าเราแพ้สารเคมีชนิดใดบ้าง หรือ หากใครไม่มีเวลาไปพบแพทย์ สามารถทดสอบโดยการลองทาที่ท้องแขน ตรงข้อพับ เพราะบริเวณนี้เป็นผิวที่นุ่มและบอบบาง รอสักพัก ถ้ามีอาการ คันๆก็หยุดเลยค่ะ อาการแพ้ลิปสติกเกิดจากส่วนผสมบางอย่าง ไม่ควรมีรอยแดง และอาการคันเกิดขึ้น หากทำการทดสอบกับแพทย์จะแม่นยำกว่า

4. ใช้ลิปบาล์ม หรือวาสลีน

การใช้ลิปบาล์ม หรือวาสลีน จะช่วยปกป้องริมฝีปากของคุณ
ได้ตลอดทั้งปี จะเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับริมฝีปากของคุณให้ชุ่มชื่น ไม่แห้ง ไม่มีกลิ่น ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ และยังสามารถปกป้องริมฝีปากของคุณ ไม่ให้สัมผัสกับสารเคมี เป็นอีกทางเลือกเมื่อมีอาการแพ้ลิปสติก ให้กลับมาสวยดูชุ่มชื่นอีกครั้ง

5. รักษาความชุ่มชื่น

น้ำก็เป็นสิ่งสำคัญอีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ เมื่อเราดื่มน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ริมฝีปาก ก็จะขาดความชุ่มชื้นไปด้วย การดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวันนั้น ควรดื่มอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว หรือจิบบ่อยๆ น้ำเปล่าสามารถคืนความชุ่มชื้นให้กับผิว ป้องกันไม่ให้ริมฝีปากแห้ง ลอกแตกและคันนั่นเอง การดื่มน้ำให้เพียงพอมีประโยชน์ต่อสุขภาพจริงๆ

6. หลีกเลี่ยงอาหารผลไม้บางชนิด

การรับประทานผลไม้บางชนิด บางคนอาจไวต่อการสัมผัส ผลไม้บางชนิดมีกรด เมื่อริมผีปากสัมผัส อาจทำให้เกิดอาการปากแห้งได้ง่าย และยังพบข้อมูลเกี่ยวกับ กลุ่มอาการของคนเกิดภูมิแพ้ในช่องปาก บางคนอาจไม่ทราบว่าตัวเองเป็นภูมิแพ้ รวมถึงผลไม้ที่ทำให้ริมฝีปากแห้งและคัน

เช่น มะม่วง ส้ม มะนาว หรือแม้แต่แอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงอาหารและผลไม้ที่มีกรด หากสาวๆอดใจไม่ไหวจริงๆ เมื่อทานเสร็จควรล้างปากทุกครั้ง เพราะกรดจากอาหารและผลไม้ ทำให้ลดความชุ่มชื่น ทำให้ริมฝีปากแห้งได้ง่าย

7. ใช้ยาสีฟันปลอดสารเคมี

หลายคนอาจไม่ทันสังเกตุ บางครั้งยาสีฟันที่คุณใช้ในชีวิตประจำวัน อาจมีสารเคมีที่มีส่วนทำให้ปากของคุณแห้ง ปากลอกเป็นขุย โดยที่ไม่รู้ตัว ลองกลับไปดูอีกครั้ง ลองสังเกตุทำไมปากแห้งลอกเป็นขุยไม่หยุด เป็นแบบเรื้อรังมานานหาสาเหตุไม่ได้ ลองเปลี่ยนยาสีฟัน สมุนไพรแบบธรรมชาติดู ปัญหาปากแห้ง ปากลอกเรื้อรังมานาน อาจดีขึ้นในเร็ววัน

8. ทานอาหารที่มีวิตามินบี

อาการ ปากแห้งปากลอกเป็นขุย บางทีอาจมาจากการขาดวิตามินบี หากขาดวิตามินบีริมฝีปากจะแห้งมาก และแตกง่ายกว่าคนทั่วไป เพราะวิตามินบี มีความสำคัญต่อผิวหนังนั่นเอง ซึ่งหาได้จากผักใบเขียว ถั่ว ตับ และข้าวกล้อง ลองสังเกตุว่า ในแต่ละวันเรารับประทานอาหารที่มีวิตามินบีหรือไม่ หรืออาจทานไม่เพียงพอในแต่ละวัน เพราะอาหารเหล่านี้จะช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื้อของร่างกาย และเสริมด้วยอาหารที่มีซัลเฟอร์สูง หาได้จาก กระเทียม และไข่ จะช่วยให้ริมฝีปากไม่แห้งไม่ลอกเป็นขุยและดีขึ้นนั่นเอง  ลองสังเกตุดูสุขภาพอาจไม่ได้มาจากแค่การแพ้ลิปอย่างเดียว แต่อาจมาจากหลายๆปัจจัยนั่นเอง

9. เลือกใช้ลิปติกที่มีส่วนผสมที่ปลอดภัย

อีกหนึ่งปัจจัยที่มีส่วนที่ทำให้สาวๆแพ้ลิปสติก การเลือกสี ใครเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทาปากที่อ่อนโยนต่อริมฝีปาก มีความปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ หากผู้มีอาการแพ้ลิปสติกสีที่ควรเลี่ยงลิปสติกที่มีสีเข้ม สีสันสดใสจนเกินไป เช่น สีแดง ชมพู และสีส้ม ควรเลือกลิปสติกสีอ่อนๆ และลดความเสี่ยงกับอาการแพ้ได้ค่ะ

10. ปรึกษาแพทย์

หลายคนอาจไม่สบายใจ หรืออาการที่แพ้อาจรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ควรปรึกษาแพทย์เลยค่ะ เพื่อหาทางแก้ไข แนวทางปฎิบัติที่ถูกต้อง และควรปฎิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

 

 

By Cheeiw

ฉันจบการศึกษาจากคณะวิทยาศาสตร์ เอกสาธารณะสุขศาสตร์ UDRU
ชอบช่วยให้ผู้หญิงให้เข้าใจตัวเองมากขึ้น ^_^

เช่นเดียวกับผู้หญิงหลายๆ คน ฉันชอบแฟชั่น ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เครื่องประดับ และอื่นๆเกี่ยวกับผู้หญิง 😍